BlockChain (บล็อกเชน) คืออะไร ทำไมมันถึงจะเปลี่ยนโลก BlockChain (บล็อกเชน) ถูกคิดค้นขึ้นมาจากนักวิจัยกลุ่มหนึ่งในปี 1991 จุดประสงค์ในการคิดค้นเพื่อทำ Digital Hamstamp หรือก็คือการที่เราจะไม่สามารถที่จะคัดลอกหรือแก้ไขเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ได้
BlockChain (บล็อกเชน) เป็นเพียงเทคโนโลยีหนึ่ง เป็นการเก็บข้อมูลแบบเรียงต่อกันเป็น Block (บล็อก) ซึ่งแต่ละบล็อกจะต่อกันด้วย Chain (เชน) หรือโซ่ ข้อที่เป็นจุดเด่นของ BlockChain คือความสามารถในการตรวจสอบ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพราะฉะนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งได้ การจะเปลี่ยนตัวใดตัวหนึ่งต้องเปลี่ยนทั้ง Chain ต้องมีการยอมรับทั้ง Chain จะไม่สามารถเปลี่ยน ข้อมูลใด ข้อมูลหนึ่งได้ การจะขอแก้บล็อกเชนต้องขอแก้ทั้งระบบไม่สามารถแก้ได้ในที่เดียว

BlockChain (บล็อกเชน) คือการกระจายอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลรูปแบบใหม่ที่โลกเราเนี่ยไม่เคยทำได้มาก่อน ทุกอย่างที่เราใช้กันในปัจจุบันนี้เป็นการเก็บข้อมูลไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่ง แต่ BlockChain (บล็อกเชน) จะมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบนี้โดยจะทำการกระจายและเก็บข้อมูลนั้นไปยังคนหลายๆคน ที่อยู่ในระบบเดียวกัน โดยไม่มีการผ่านตัวกลาง เป็นการกำจัดตัวกลางออกไป จะกระจายให้พวกเราทุกคนช่วยกันเก็บข้อมูลช่วยเป็นพยาน
โดยทุกคนจะมีชุดข้อมูลอยู่ในกล่องขนาดเท่ากันเป็นบล็อกๆ (Block) ข้อมูลจะอยู่ในกล่องขนาดเท่ากัน เชื่อมต่อกันเป็นโซ่ เรียกว่า บล็อกเชน ถามว่าดียังไง ก็คือมันจะทำให้เรา สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ลดการใช้ทรัพยากร

ตัวอย่างเช่น ด้านการแพทย์และสุขภาพ ประวัติคนไข้ทุกโรงพยาบาลจะสามารถลิงค์กันได้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดหรือแม้แต่ต่างประเทศก็สามารถเรียกดูประวัติคนไข้ได้ตั้งแต่เกิดเลย ข้อมูลคนไข้มีครบ เช่น ตั้งแต่เกิดมามีโรคประจำตัวอะไร เคยแพ้ยาตัวไหน สามารถเก็บเป็นบันทึกไว้ก่อน เวลาเข้าโรงพยาบาลสามารถเช็คยืนยันตัวตนดูข้อมูลชุดนี้ได้เลยไม่ต้องสอบถามผู้ป่วย มันเป็นการลดทั้งเวลาแล้วก็ลดทั้งทรัพยากรไม่ต้องให้พยาบาลมาขอประวัติซ้ำๆ
อีกวงการหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ วงการอสังหาริมทรัพย์ปัญหาหลักของวงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีมาโดยตลอดคือขาดความโปร่ง ในช่วงที่ดำเนินธุรกรรม ปัญหาที่เกิดจากงานเอกสารความผิดพลาดของการเก็บข้อมูลและกลโกงต่างๆ ไปจนถึงการไล่ที่ดิน ตัวอย่างเช่นการเผาไล่ที่ โฉนดหายไปสรุปเจ้าของที่ดินเป็นใครกันแน่เป็นกรรมสิทธิ์ของใครก็ตรวจสอบกันไม่ได้ แต่ว่าถ้ามีเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นทุกอย่างก็จะถูกเก็บเอาไว้อย่างเป็นระบบระเบียบไม่มีการแอบอ้างอีกแล้ว จะรู้ได้เลยว่าที่ดินนั้นเคยเป็นของใคร เคยโอนกรรมสิทธิ์ไปให้ใครบ้าง
ด้านแวดวงการการศึกษา ถ้าเรานำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาจะสามารถเพิ่มความมั่นใจได้ว่านักเรียนได้ผ่านคอร์สจบจากที่นี่จริงๆนะ ทำให้พวกใบประกาศนียบัตรหรือว่าเอกสารประกอบการเรียนต่างๆที่ออกให้กับผู้เรียน โปร่งใส การซื้อปริญญาจะหมดไป เพราะสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งจะทำการปลอมแปลงแก้ไขในระบบ BlockChain ทำได้ยาก
ขอยกตัวอย่างอีกนิดนึงละกันอาจจะเหมาะกับคนไทย ถ้าสมมุติเราเอา บล็อกเชน มาใช้กับการซื้อขาย ลอตเตอรี่ ซื้อขายกันแล้ว เลขนี้ฉันเป็นคนซื้อตรวจสอบได้ ถูกรางวัลก็รับรางวัลไปเลย ลดขั้นตอนความยุ่งยาก แล้วก็หมดปัญหาการแอบอ้างการเป็นเจ้าของตัวจริง
Block (กล่องขนาดใหญ่) และ Chain (โซ่)